THAI | ENG  
 
 
   
 
 
รายงานจาก โรงพยาบาล จอห์น ฮอพส์กิ้น ประเทศ สหรัฐอเมริกา

หลังจากที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมาเป็นเวลาหลายปีว่า เคมีบำบัด เป็นวิธีเดียวที่ควรจะลองและใช้กำจัดมะเร็ง บัดนี้ จอห์น ฮอพส์กิ้น เริ่มจะบอกกับเราว่ามีทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับการป้องกันมะเร็ง * (คืออะไร)

• ในร่างกายของทุก ๆ คน จะมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่จะไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยการทดสอบมาตรฐานทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเซลมะเร็งได้ทวีจำนวนเพิ่มเป็นหลายพันล้านเซล เมื่อหมอบอกกับผู้ป่วยมะเร็งว่า ตรวจไม่พบเซลมะเร็งในร่างกาย ความจริงก็คือว่า การตรวจมาตรฐานนั้นไม่สามารถที่จะตรวจพบเซลมะเร็ง เพราะว่าเซลมะเร็งยังไม่ได้เพิ่มจำนวนถึงขนาดที่สามารถตรวจพบได้

• เซลมะเร็งเกิดขึ้นได้ระหว่าง 6 ถึง มากกว่า 10 ครั้ง ในช่วงชีวิตของแต่ละคน

• เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งก็จะถูกทำลายและระงับไม่ให้มีการขยายตัวและก่อตัวเป็นเนื้องอก

• คนเป็นมะเร็ง เพราะมีสภาวะทุโภชนาการ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม อาหาร และ วิถีการดำเนินชีวิต การแก้ไขสภาวะทุโภชนาการ ทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงอาหาร และใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

• เคมีบำบัด เป็นวิธีการหนึ่งที่ให้สารพิษแก่เซลมะเร็งที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็ทำลายเซลปกติที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในกระดูกไขสันหลัง ในระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ ด้วย และ ทำลายอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

• รังสีบำบัด แม้จะทำลายเซลมะเร็งได้ แต่ทำให้เกิดการไหม้ รอยแผลเป็น และทำลายเซลที่ดีของ เนื้อเยื่อ และ อวัยวะต่าง ๆ ได้ด้วย

• การรักษาด้วยเคมีบำบัด และ รังสีบำบัด ในระยะแรก มักจะลดขนาดของเซลมะเร็งที่มีอยู่ แต่การใช้อย่างต่อเนื่อง พบว่าไม่สามารถทำลายเซลมะเร็งได้มากขึ้น

• เมื่อร่างกายได้รับพิษอย่างมากจากเคมีบำบัดและรังสีบำบัด ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเริ่มไม่สมดุล และ/หรือ อาจถูกทำลายไป ดังนั้น ร่างกายจะเริ่มติดเชื้อและเกิดอาการข้างเคียงได้ง่าย

• เคมีบำบัดและรังสีบำบัด สามารถทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ และ เกิดอาการดื้อต่อการรักษาจนไม่สามารถจะถูกทำลายได้ การผ่าตัดก็อาจจะทำให้เซลมะเร็งแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้

• วิธีการที่จะพิชิตเซลมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งคือ การทำให้เซลมะเร็งอดตายโดยไม่ให้มันได้รับอาหารที่จำเป็นต่อการขยายตัว

เซลมะเร็งและอาหารของเซลมะเร็ง

• น้ำตาล คือสารอาหารที่มะเร็งชอบมาก การงดน้ำตาลในอาหารจะเป็นวิธีสำคัญที่ทำให้เซลมะเร็งขาดสารอาหารได้

• นม มักจะทำให้ร่างกายสร้างเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะใช้เมือกเป็นอาหาร การงดรับประทานนม และดื่มนมถั่วเหลืองที่ไม่หวานแทน จะทำให้เซลมะเร็งอดตาย

• เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่เป็นกรด อาหารที่ทำจากเนื้อวัวมีสภาวะเป็นกรด ดังนั้น วิธีที่ดี คือ การกินปลา หรือ กินเนื้อไก่เพียงเล็กน้อย จะดีกว่าการกินเนื้อหมู หรือ เนื้อวัว นอกจากนั้น ในเนื้อวัวยังอาจจะมียาปฎิชีวนะ, ฮอร์โมนที่ใช้เร่งในการเจริญเติบโต หรือ เชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง

• อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็ง 80% ควรจะเป็นอาหารที่ประกอบด้วยผักสด น้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการปรุงร่วมกับพืชจำพวกถั่ว

น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมซาบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อ บำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี

เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ควรพยายามดื่มน้ำผักสด (ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่ว หรือ ถั่วงอก) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน

เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)

• หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และ ช็อคโกแลต ที่มีคาเฟอีนสูง ชาเขียวจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านมะเร็งได้ด้วย ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือน้ำที่ผ่านเครื่องกรองแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษและโลหะหนักที่อยู่ในน้ำประปา น้ำกลั่นมีสภาพเป็นกรด จึงควรหลีกเลี่ยง

• โปรตีนจากเนื้อวัว จะย่อยยาก และต้องใช้เอนไซม์ในการช่วยย่อย เนื้อวัวที่ไม่ย่อยจะหมักหมมอยู่ในลำไส้ จนเกิดเป็นพิษได้

• ผนังของเซลมะเร็งมีเปลือกห่อหุ้มแข็งแรงที่เป็นโปรตีน การงดรับประทาน หรือ กินเนื้อวัวให้น้อยลงจะทำให้มีเอนไซม์เหลือมากพอที่จะทำลายโปรตีนของผนังเซลมะเร็งได้ดีขึ้น และ ช่วยให้เซลนักฆ่าของร่างกายสามารถจัดการเซลมะเร็งได้ดีขึ้น

• สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น * * (ที่มีประสิทธิภาพสูงคืออะไร)

• มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต

• เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนสูง การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆ จะช่วยให ้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง

* ทางเลือกสำหรับการป้องกันมะเร็ง อีกทางหนึ่งคืออะไร ??

* * สารอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันคืออะไร ??

ข่าวล่าสุด

ขณะนี้ มีผู้ส่งข้อมูลผ่านทาง google ว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่ได้มาจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์ อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย เห็นว่าข้อมูทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ จึงยังคงรายงานนี้ไว้ใน website เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านต่อไป